ขั้นตอนการขออนุญาตก่ออาคารสำเร็จรูป

ขั้นตอนการขออนุญาตก่ออาคารสำเร็จรูป

“เอกสารพร้อม แต่ทำไมการขออนุญาตก่อสร้างยังติดขัด”
ถึงแม้อาคารสำเร็จรูปจะเป็นทางเลือกที่ช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง แต่กระบวนการขออนุญาตยังคงมีขั้นตอนและข้อกำหนดทางกฎหมายที่ต้องปฏิบัติตามอย่างรอบคอบ ตั้งแต่การตรวจแบบแปลน การยื่นเอกสาร ไปจนถึงการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นการใช้บริการกับทีมรับสร้างอาคารที่มีความเชี่ยวชาญด้านการขออนุญาตก่อสร้างอาคารจะช่วยให้โครงการดำเนินไปอย่างราบรื่น ปลอดภัย และมั่นใจในคุณภาพของอาคารตั้งแต่เริ่มจนส่งมอบ

ในบทความนี้ เราจะพาคุณทำความเข้าใจเกี่ยวกับ “ขั้นตอนการขออนุญาตก่ออาคารแบบสำเร็จรูปยอดนิยม” เพื่อให้คุณสามารถวางแผนการทำโครงการได้อย่างมั่นใจ

สารบัญเนื้อหา

ทำไมการสร้างอาคารสำเร็จรูปต้องขออนุญาตตามกฎหมาย

ก่อนเริ่มก่อสร้างอาคารจำเป็นต้องเข้าใจก่อนว่า ไม่ว่าการก่อสร้างแบบอาคารสำเร็จรูปหรือแบบทั่วไป หากเข้าข่าย “อาคาร” ตามที่กฎหมายกำหนดก็ต้องดำเนินการขออนุญาตให้ถูกต้องตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522

นิยามของคำว่า "อาคาร" และขอบเขตการควบคุมตาม พ.ร.บ.

ในทางกฎหมายอาคารสำเร็จรูป ถือเป็นอาคารประเภทหนึ่ง เนื่องจากมีลักษณะเป็นสิ่งปลูกสร้างที่สามารถใช้งานได้จริงและมีโครงสร้างมั่นคง แม้จะถูกผลิตแยกชิ้นส่วนจากโรงงานก่อนนำมาประกอบติดตั้งก็ตาม เพราะตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 คำว่า “อาคาร” หมายถึง ตึก บ้าน เรือน หรือสิ่งปลูกสร้างใดๆ ที่บุคคลสามารถเข้าอยู่อาศัย ประกอบกิจการ หรือใช้สอยได้ ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้างถาวรหรือชั่วคราวก็ตาม

ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นบ้านสำเร็จรูป, บ้านโมดูลาร์ หรือบ้านน็อคดาวน์ หากติดตั้งใช้งานจริงบนที่ดิน ก็อยู่ภายใต้ขอบเขตการควบคุมของกฎหมายเดียวกัน จำเป็นต้องยื่นขออนุญาตก่อสร้างให้ถูกต้องก่อนดำเนินการ เพื่อให้มั่นใจว่าการก่อสร้างเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยและผังเมืองที่กำหนดไว้

โทษทางกฎหมายและค่าปรับหากรับสร้างอาคารหรือดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาต

ผู้ที่ก่อสร้าง ดัดแปลง เคลื่อนย้าย หรือใช้อาคารโดยไม่ขออนุญาต ถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร มีโทษจำคุกสูงสุด สามเดือน หรือปรับไม่เกิน หกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากยังฝ่าฝืนต่อเนื่อง อาจถูกปรับวันละไม่เกิน หนึ่งหมื่นบาท จนกว่าจะดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย

ขั้นตอนการขออนุญาตก่อสร้างอาคารสำเร็จรูปที่ผู้รับสร้างอาคารควรรู้

การขออนุญาตก่อสร้างอาคารสำเร็จรูปจะมีลำดับขั้นตอนที่ชัดเจน เพื่อให้หน่วยงานท้องถิ่นตรวจสอบแบบแปลนและความปลอดภัยของอาคารก่อนการก่อสร้างจริง

วิธีการยื่นคำขออนุญาตก่อสร้างอาคารสำเร็จรูป

ในการก่อสร้างอาคารสำเร็จรูปเจ้าของอาคารหรือผู้ว่าจ้างจำเป็นต้องยื่นคำขออนุญาตก่อสร้างต่อหน่วยงานท้องถิ่น เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยขั้นตอนหลักๆ แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ดังนี้

1. การยื่นขอ “ใบอนุญาตก่อสร้าง” ตามมาตรา 21

ผู้ขอต้องกรอกแบบคำขอ ข.1 พร้อมแนบแบบแปลนและเอกสารประกอบทั้งหมด จากนั้นจึงรอการอนุมัติใบอนุญาต อ.1 ก่อนเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้
โดยทั่วไป หน่วยงานที่รับผิดชอบจะใช้เวลาพิจารณาภายใน 45 วัน (ไม่นับรวมช่วงเวลาที่ผู้ขอแก้ไขแบบหรือเพิ่มเติมเอกสาร)

2. การ “แจ้งก่อสร้าง” ตามมาตรา 39 ทวิ

ในบางพื้นที่ที่กฎหมายหรือข้อบัญญัติท้องถิ่นกำหนดไว้ อาจใช้วิธี “แจ้งก่อสร้าง” แทนการยื่นขออนุญาตตามปกติได้
และเมื่อผู้แจ้งส่งเอกสารครบถ้วน หากเจ้าพนักงานท้องถิ่นไม่ทักท้วงภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด จะถือว่าได้รับอนุญาตโดยผลของกฎหมาย และสามารถเริ่มดำเนินการก่อสร้างอาคารสำเร็จรูปได้ทันที

ลำดับขั้นตอนการพิจารณาอนุญาตและการดำเนินการ (Process Flow)

การเตรียมเอกสารและการยื่นคำขอ

เจ้าของอาคารต้องจัดเตรียมเอกสารและแบบแปลนที่ถูกต้องครบถ้วน เช่น แบบคำขอ ข.1, แบบแปลนโครงสร้าง และเอกสารสิทธิ์ในที่ดิน
จากนั้นให้ยื่นคำขอต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น เช่น นายกเทศมนตรี หรือองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณา

การตรวจสอบและการอนุมัติ

เมื่อได้รับคำขอเรียบร้อยแล้ว เจ้าพนักงานท้องถิ่นหรือนายตรวจเขตจะตรวจสอบเอกสารและลงพื้นที่ตรวจสถานที่จริง เพื่อพิจารณาความถูกต้องของแบบและความเหมาะสมของพื้นที่ก่อสร้าง
หากเจ้าของอาคารต้องการขอเลขที่บ้านก่อนการก่อสร้างแล้วเสร็จ อาจยื่นคำขอเลขที่บ้านชั่วคราวได้ตามระเบียบ เพื่อความสะดวกในการวางแผนและดำเนินงานต่อไป

เอกสารและข้อกำหนดทางเทคนิคที่จำเป็นสำหรับการยื่นขอสร้างอาคารสำเร็จรูป

การเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนตั้งแต่ต้น ถือเป็นหัวใจสำคัญของการขออนุญาตก่อสร้างอาคารให้ดำเนินไปอย่างราบรื่น

1. เอกสารหลักฐานเกี่ยวกับที่ดินและผู้ดำเนินการ

ก่อนยื่นคำขอ เจ้าของโครงการควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเอกสารพื้นฐานครบถ้วน ซึ่งประกอบด้วย

  • แบบคำขออนุญาต (แบบ ข.1)
  • สำเนาโฉนดที่ดิน หรือเอกสารสิทธิ์ในที่ดิน
  • หนังสือยินยอมให้ก่อสร้างบนที่ดิน (กรณีผู้ขอไม่ใช่เจ้าของที่ดินโดยตรง)
  • สำเนาบัตรประชาชนของผู้ขออนุญาต

เพราะการจัดเตรียมเอกสารเหล่านี้อย่างถูกต้องตั้งแต่ต้น จะช่วยลดระยะเวลาและความล่าช้าในขั้นตอนพิจารณาได้มาก

2. การแต่งตั้งผู้ออกแบบและผู้ควบคุมงาน

เพราะการก่อสร้างอาคารทุกประเภทรวมถึงอาคารสำเร็จรูปที่ควรต้องมีทีมสถาปนิก หรือทีมวิศวกร เป็นผู้รับผิดชอบงานออกแบบและควบคุมงานตามกฎหมาย
โดยเอกสารที่ต้องแนบประกอบ ได้แก่

  • หนังสือแต่งตั้งผู้ออกแบบและผู้ควบคุมงาน
  • สำเนาใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของสถาปนิกหรือวิศวกร
  • หนังสือรับรองการเป็นผู้ควบคุมงานจากสภาวิชาชีพ

เพราะการแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อช่วยให้แน่ใจว่าการออกแบบและการก่อสร้างเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยและโครงสร้าง

3. ข้อกำหนดทางเทคนิคและการออกแบบ (แบบแปลนและรายการคำนวณ)

ส่วนสำคัญที่เจ้าหน้าที่ใช้ประกอบการพิจารณาคือ แบบแปลนและรายการคำนวณทางวิศวกรรม ซึ่งต้องระบุรายละเอียดอย่างชัดเจน ครอบคลุมทุกมิติของอาคาร เช่น

  • ผังบริเวณอาคาร (Site Plan)
  • รูปด้าน (Elevation) อย่างน้อยสองด้านขึ้นไป
  • รูปตัด (Section) เพื่อแสดงความสูง ความลึก และสัดส่วนโครงสร้าง
  • รายการวัสดุและโครงสร้างที่ใช้ก่อสร้าง

และนอกจากนี้ยังต้องแนบ รายการคำนวณทางวิศวกรรม เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของอาคารได้อย่างครบถ้วน

ข้อยกเว้นและข้อจำกัดด้านขนาดสำหรับอาคารสำเร็จรูปที่ทีมรับสร้างอาคารควรทราบ

เพราะในบางกรณีอาคารสำเร็จรูปขนาดเล็กอาจได้รับการยกเว้นบางขั้นตอนในการขออนุญาตก่อสร้าง แต่ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน ขนาดของอาคาร และข้อกำหนดของกฎหมายอาคารควบคุมในพื้นที่ ดังนั้นควรทำความเข้าใจเงื่อนไขเหล่านี้อย่างถูกต้องเพื่อช่วยให้การดำเนินงานของทีมรับสร้างอาคารเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

1. อาคารสำเร็จรูปที่สามารถยกเว้นการขออนุญาตบางส่วนได้

กฎหมายกำหนดว่า อาคารบางประเภท โดยเฉพาะอาคารอยู่อาศัยขนาดเล็กสามารถได้รับการยกเว้นการรับรองแบบจากสถาปนิกหรือวิศวกรได้ หากเข้าเกณฑ์ดังต่อไปนี้

  • เป็นอาคารอยู่อาศัยไม่เกิน สองชั้น
  • มีพื้นที่รวมทุกชั้น ไม่เกิน 150 ตารางเมตร

โดยในกรณีนี้ เจ้าของอาคารสามารถควบคุมงานก่อสร้างด้วยตนเองได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีสถาปนิกหรือวิศวกรเซ็นรับรองแบบ ทั้งนี้ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างชัดเจน

2. ข้อจำกัดด้านโครงสร้างที่ต้องพิจารณา

แม้อาคารจะมีขนาดเล็ก แต่หากมีลักษณะทางโครงสร้างที่เกินกว่ามาตรฐานที่กฎหมายกำหนด จะต้องมีวิศวกรเข้ามารับรองแบบเพื่อความปลอดภัย เช่น

  • ช่วงคานยาวเกิน 5 เมตร
  • ความสูงของชั้นใดชั้นหนึ่งเกิน 4 เมตร

เพราะการให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบและรับรองแบบจะช่วยลดความเสี่ยงจากปัญหาโครงสร้าง และสร้างความมั่นใจในความมั่นคงของอาคารสำเร็จรูปได้มากขึ้น

3. การปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านระยะร่นและผังเมือง

นอกจากเรื่องขนาดและโครงสร้างแล้ว ทีมรับสร้างอาคารยังต้องคำนึงถึงข้อกำหนดทางผังเมืองและระยะร่นจากเขตที่ดินด้วย เช่น

  • อาคารสูงไม่เกิน 9 เมตร
  • ผนังหรือระเบียงที่มีช่องเปิดต้องอยู่ห่างจากแนวเขตที่ดินไม่น้อยกว่า 2 เมตร
  • ต้องตรวจสอบข้อบัญญัติท้องถิ่นและข้อกำหนดผังเมืองรวมในพื้นที่ก่อนเริ่มก่อสร้าง

เพราะการปฏิบัติตามข้อกำหนดเหล่านี้อย่างรอบคอบ จะช่วยให้การขออนุญาตก่อสร้างอาคารสำเร็จรูปเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และลดปัญหาการแก้ไขภายหลังได้อย่างมาก

สรุป

การขออนุญาตก่อสร้าง อาคารสำเร็จรูป แม้จะมีขั้นตอนที่ซับซ้อน แต่หากเตรียมเอกสารและดำเนินการอย่างถูกต้อง จะช่วยให้โครงการเสร็จสิ้นตามแผนโดยไม่เกิดปัญหาทางกฎหมาย และการเลือกบริษัทรับสร้างอาคารที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ เช่น Benjamin ก็จะยิ่งจะช่วยให้โครงการประสบความสำเร็จอย่างมีคุณภาพ โดยทีมงานมืออาชีพของเราพร้อมดูแลทุกขั้นตอนตั้งแต่การจัดเตรียมเอกสาร การดำเนินการขออนุญาต ไปจนถึงการก่อสร้างตามมาตรฐานวิศวกรรมที่ได้รับการยอมรับ ด้วยการวางแผนและการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ลูกค้าจึงมั่นใจได้ว่าอาคารที่สร้างขึ้นมีความถูกต้อง ปลอดภัย และคุ้มค่ากับการลงทุนในระยะยาว

Facebook
Twitter
WhatsApp

สาขากรุงเทพฯ

91/9 ตำบล อ้อมเกร็ด อำเภอ ปากเกร็ด นนทบุรี 11120

สาขาตาก

11/23 ถ.อินทรคีรี ต.แม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก 63110

สาขาเชียงใหม่

59/56 หมู่ที่ ถนน หมู่บ้านสวนกลางเวียง ตำบลหนองหอย อำเภอเมืองเชียงใหม่ เชียงใหม่ 50000

OUR SOCIAL MEDIA CHANNELS